พรศักดิ์ ผ่องแผ้ว (2545: 208) กล่าวว่า คำว่า “สมมติฐาน”
มาจากศัพท์ภาษาอังกฤษคำว่า Hypothesis ซึ่งได้มาจากภาษาและมีรากศัพท์มาจากภาษากรีก
hypo แปลว่า ข้อเสนอหรือข้อเสนอแนะ และศัพท์คำว่า hypotithenai
แปลว่า ใส่ไว้ข้างล่าง สมมติฐาน คือ ข้อความที่สมมติว่าเป็นจริงในประเด็นที่ต้องการพิสูจน์
ตรวจสอบหรือเป็นความคิดที่ก้าวหน้าในการอธิบายหรือทำนายปรากฏการณ์ทั้งหลาย
(http://pibul2.psru.ac.th/~buncha/Chp4_1.htm
) ได้รวบรวมและกล่าวถึง สมมติฐานหมายถึง
ความเชื่อของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือ ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรืออาจกล่าวได้ว่า
สมมติฐานเป็นสิ่งที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลคาดว่าจะเกิดขึ้น
โดยที่ความเชื่อหรือสิ่งที่คาดนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็ได้
สรุป
การตั้งสมมติฐาน เป็นการคาดคะเน (predict) หรือการทายคำตอบของปัญหาอย่างมีเหตุผล
มักเขียนในลักษณะการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระ (independent
variables)และตัวแปรตาม (dependent variables) งานวิจัยบางอย่างไม่จำเป็นต้องมีสมมติฐาน สมมติฐานที่ดีจะทำให้ทราบว่า
ต้องเก็บรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง ได้ข้อมูลจากใคร
ใช้วิธีใดในการเก็บเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์และเชื่อถือได้มากที่สุด
สมมุติฐานที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร จะบอกให้
ทราบถึงระดับการวัดและการวิเคราะห์ข้อมูล ว่าจะวิเคราะห์ในลักษณะเปรียบเทียบ,ลักษณะความสัมพันธ์ หรือประมาณค่า parameter บางตัวของประชากร
ทราบว่าจะใช้สถิติอะไรจึงจะเหมาะสมที่สุด เช่น ระดับรายได้ของนักท่องเที่ยว
เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการท่องเที่ยว สมมติฐานทาหน้าที่เสมือนเป็นทิศทาง และแนวทาง
ในการวิจัย จะช่วยเสนอแนะ แนวทางในการ เก็บรวบรวมข้อมูล
และการวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป
สมมติฐานต้องตอบวัตถุประสงค์ของการวิจัยได้ครบถ้วนและทดสอบและวัดได้
อ้างอิง
อ้างอิง
พรศักดิ์
ผ่องแผ้ว. ศาสตร์แห่งการวิจัยทางการเมืองและสังคม. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ:
สมาคมรัฐศาสตร์ แห่งประเทศไทย, 2545
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น