ไพศาล หวังพานิช(2531:80)ได้กล่าวว่า รูปแบบการวิจัย เป็นแบบการวิจัยจะช่วยให้ผู้วิจัยสามารถหาคำตอบของปัญหาที่ต้องการศึกษาค้นคว้าได้อย่างถูกต้องแบบการวิจัยมีหลายแบบด้วยกัน
ซึ้งมีตั้งแต่แบบที่ง่ายไปจนถึงแบบที่สลับซับซ้อนการที่ผู้วิจัยจะเลือกใช้แบบใดนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการศึกษา
ต้องการคำตอบในเรื่องใดบ้าง ลึกซึงแค่ไหน
ผศ.เรืองอุไร ศรีนิลทา(2535:228).ได้กล่าวว่า
รูปแบบการวิจัยจะต้องมีรูปแบบ(format)ตามที่หน่วยงานที่กำกับการดำเนินงานวิจัยหรือองค์กรที่จะตีพิมพ์งานวิจัยออกเผยแพร่กำหนด
รูปแบบของการวิจัย เป็นแนวทางโดยทั่วไปของการจัดรายละเอียดให้เป็นหมวดหมู่ และการเรียงลำดับรายละเอียดของงานวิจัยนั้น
รูปแบบของการเขียนรายงานวิจัยที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีอยู่มากมาย
โดยปกติหน่วยงานที่กำกับการดำเนินงานวิจัยแต่ละหน่วยงาน
รวมทั้งองค์กรที่ตีพิมพ์รายงานการวิจัยออกเผยแพร่แต่ละองค์กรด้วย
จะกำหนดรูปแบบของรายงานวิจัยนั้นขึ้น เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายถือปฏิบัติฉะนั้น
ก่อนที่จะเริ่มเขียนรายงานวิจัย
ผู้วิจัยจึงจำเป็นต้องศึกษารูปแบบของรายงานการวิจัยที่หน่วยงานกำกับการดำเนินงานวิจัยของตน
และองค์กรที่ตนประสงค์จะให้ตีพิมพ์รายงานวิจัยของตนออกเผยแพร่
กำหนดและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้กับรายละเอียดที่สำคัญต่างๆของรูปแบบนั้น
แล้วปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการเขียนรายงานวิจัย
รูปแบบการวิจัย หมายถึง เป็นการสำรวจให้ทราบว่าประเด็นปัญหาในทำนองที่สนใจนั้นเป็นการวิจัยที่ช่วยให้
ผู้วิจัยสามารถหาคำตอบของปัญหาที่ต้องศึกษาค้นคว้าได้อย่างถูกต้องตามที่
หน่วยงานกำหนดหรือกำกับการดำเนินงานวิจัยของการจัดรายละเอียดให้เป็นหมวด
หมู่และการเรียงลำดับรายละเอียดของงานวิจัยนั้น เช่นตัวแปรที่ศึกษามีอะไรบ้าง
มีการควบคุมตัวแปรภายนอกอย่างไร ฯ ทำความเข้าใจกับรายละเอียดที่สำคัญต่างๆ
ของรูปแบบนั้นแล้วปฏิบัติตามนั้นอย่างเคร่งครัด
อ้างอิง
ไพศาล
หวังพานิช.(2531).วิธีการวิจัย.กรุงเทพฯ:
งานส่งเสริมวิจัยและตำรากองบริหารกาศึกษามหาวิทยาลัย
ศรีนครินทรวิโรฒ
ประสานมิตร.
เรืองอุไร ศรีนิลทา.(2535).ระเบียบวิธีวิจัย.กรุงเทพฯ:สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
http://www.learners.in.th/blogs/posts/450209 เข้าถึงเมื่อ วันที่ 6 มกราคมคม 2556
http://www.learners.in.th/blogs/posts/450209 เข้าถึงเมื่อ วันที่ 6 มกราคมคม 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น